กระแสไฟที่หมุนโลกไปสู่ "ไฟฟ้า"

การมาถึงของยุค Volt-age และบทบาทของกัลฟ์ต่อโลกที่หมุนไปสู่ อิเล็กทริฟิเคชัน เพื่อทุกการใช้ชีวิต ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและปล่อยคาร์บอนต่ำ

แนวทางและแผนแม่บทการเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจโลก ที่ไม่มี Planet B ทุกภาคส่วนจึงต้องร่วมมือร่วมใจเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงไปสู่อนาคตที่ดีขึ้น ภัยความเสี่ยงที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศก่อเป็นแรงขับเคลื่อนให้ทุกหน่วยน้อยใหญ่ในทางเศรษฐกิจร่วมกันหาทางออกตามแนวความถนัดของตนเพื่อดำรงไว้ซึ่งความอยู่รอดของมวลมนุษย์ ความเป็นสังคมและวัฒนธรรม ตลอดจนการมีอยู่ของสินทรัพย์และทรัพย์สินทางเศรษฐกิจที่เป็นมรดกสำคัญที่จำต้องส่งผ่านในแต่ละยุคสมัย

การมาถึงของนวัตกรรมที่ทำให้ชีวิตและความเป็นอยู่ของมนุษย์มีความสะดวกสบายและปลอดภัยยิ่งขึ้น มีจุดเริ่มต้นของการพัฒนามาจากการเปลี่ยนอุปกรณ์ที่อาศัยแรงทำมือ มาสู่เครื่องสันดาป จนกระทั่งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีการเชื่อมโยงกับโครงข่ายไร้สายเพื่อสร้างการรวมศูนย์ควบคุมด้วยอุปกรณ์ที่สะดวกยิ่งขึ้นในรูปแบบของ อินเทอร์เน็ตในสรรพสิ่ง (Internet of Things: IoT) ที่มีไฟฟ้าเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทุกอุปกรณ์สามารถทำงานบนการเชื่อมต่อกับโครงข่ายไร้สายได้อย่างต่อเนื่อง

โดยจุดแตกต่างอันสำคัญของนวัตกรรมดั้งเดิมและนวัตกรรมสมัยใหม่ที่ให้คุณสมบัติมากไปกว่าความพร้อมใช้งานอย่างทันท่วงทีและความทันสมัยแล้วนั้น คือ การส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่ำของกระบวนการทำงานที่ถูกทำให้มีไฟฟ้าเป็นพลังงานหลักในการทำงานของอุปกรณ์และเครื่องยนต์ เราจึงเรียกกระบวนการเปลี่ยนแปลงของอุปกรณ์เหล่านี้ว่า อิเล็กทริฟิเคชัน (Electrification)

“บทบาทของกัลฟ์ ต่อคลื่นของการพัฒนานวัตกรรมที่เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม มาสู่การขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดเพื่อจ่ายไฟสะอาดให้โลกที่เต็มไปด้วย “อิเล็คทริฟิเคชั่น” (Electrification)”

กัลฟ์ ผู้นำด้านการผลิตพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานยั่งยืนในภูมิภาค เราตระหนักถึงความสำคัญของการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานเพื่อขับเคลื่อนไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ เรามุ่งเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาด จากแหล่งพลังงานหมุนเวียน (Renewable energy) ในสัดส่วน 40% ของพอร์ตโฟลิโอภายในปี 2035 เพื่อสร้างความเข้มแข็งของกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งให้สอดรับกับอุปสงค์ทางพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นและสอดคล้องกับแผนพัฒนาพลังงานของประเทศที่เราเข้าไปลงทุนครอบคลุมปัจจัยทางสังคม-เศรษฐกิจ ดังนี้

• กลุ่มลูกค้าธุรกิจที่เป็นบริษัทที่ประกาศเป้าหมายการปลดปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ (Net Zero)
• กลุ่มลูกค้าธุรกิจที่เป็นบริษัทในกลุ่ม RE100 ที่จะใช้พลังงานสะอาดตลอดกระบวนการทางธุรกิจ
• การเปลี่ยนผ่านอุปกรณ์และยานยนต์ด้วยการอิเล็กทริฟิเคชัน (Electrification)

ทั้ง 3 ปัจจัยหลักดังกล่าวทำหน้าที่เป็นแรกผลักดันไปสู่การสร้างกระแสการตื่นตัวการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานที่สร้างความยั่งยืนให้กับระบบเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ผ่านการมองหาแหล่งกำเนิดพลังงานที่ปล่อยคาร์บอนต่ำเมื่อเทียบเท่ากับแหล่งพลังงานดั้งเดิมจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน หรือการใช้น้ำมันมาเผาเพื่อให้เกิดเป็นพลังงานใช้สร้างกระแสไฟฟ้าเข้าระบบ กลุ่มผู้ผลิตพลังงานและรัฐ ต่างก็มีบทบาทที่ต้องสร้างการขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดเพื่อโลกที่ดีขึ้นในหน้าที่และความรับผิดชอบที่แตกต่างกันแต่มุ่งไปสู่เป้าหมายเดียวกัน

ตอบรับเทรนด์พลังงานและความต้องการใช้ไฟฟ้าของกลุ่มลูกค้าธุรกิจที่มองหาโซลูชันพลังงานสะอาดเพื่อการติดตั้งในแหล่งการผลิตสินค้าอุตสาหกรรม โรงงาน โกดังจัดเก็บสินค้า และอาคารสำนักงานของบริษัทที่มุ่งเป้าไปสู่การเป็นกิจการยั่งยืน ให้ความสำคัญในด้านการผลิตสินค้าและบริการที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมที่มีการบริหารห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืนตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายสายการผลิต

กัลฟ์ส่งมอบโซลูชันประสิทธิภาพสูงโดย GULF1 (กัลฟ์ วัน) ผู้นำด้านพลังงานแสงอาทิตย์แบบครบวงจร มุ่งส่งมอบเมกะวัตต์สะอาดด้วยความเชี่ยวชาญ จากวิศวกรชำนาญการด้านพลังงานสะอาดที่จะให้คำปรึกษาตั้งแต่การวางแผนติดตั้งตลอดจนการดูแลรักษาหลังส่งมอบโครงการและการบริหารสัญญาการซื้อ-ขายพลังงานที่ตอบโจทย์ต้นทุนทางธุรกิจให้มีความสามารถในการแข่งขันควบคู่ไปกับการจัดการต้นน้ำการผลิตที่สะอาดขึ้น

จากการขยับและปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการด้านโซลูชันพลังงานของกัลฟ์ สะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน แม้ว่าปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าและแหล่งที่มาของพลังงานนั้นเปลี่ยนไปตามวาระสำคัญทางสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมที่มุ่งไปสู่ความยั่งยืนมากขึ้น แต่ความมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพของโครงการด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานยั่งยืนของกัลฟ์จะยังคงยืนหยัดยึดมั่นในการส่งมอบโซลูชันที่มีประสิทธิภาพสูงให้กับลูกค้าอย่างมีความรับผิดชอบต่อกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียตลอดจนรักษาความสมดุลด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมให้คงไว้ซึ่งความหลาหลายทางชีวภาพของระบบนิเวศในระยะยาว